
“ที่ผมโกรธมากที่สุดคือ แม้แต่คำขอโทษสักคำก็ไม่มี เขาไม่กล้าที่จะคุยกับผมแบบแมนๆ ลูกผู้ชายสักคำ จะอ้างอะไรกับผมก็ได้ แต่ไม่เลือกคุย ให้ผู้หญิงรับหน้าแทนหมด
ส่วนแฟนผมก็ขอให้ผมไม่ทำอะไรต่อ หลักๆ คือปกป้องผู้ชายคนนั้น ไม่ให้ผมบอกแฟนของผู้ชายคนนั้น ไม่ให้ผมเผยแพร่เรื่องนี้ คือผมเสียทุกอย่าง ผมเสียคนรักคนที่ผมผ่านปัญหาผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน ผมเสียคนที่เป็นเหมือนครึ่งหนึ่งของชีวิตผม คนที่วาดฝันอนาคตกันไว้ แพลนไว้ว่าเราจะแต่งงานกันตอนไหน มีลูกกันอีกกี่คน
ผมโดนพังทลายทุกอย่าง และผมต้องมายอมรับ มารับรู้ทุกอย่างแบบไม่ได้ตั้งตัว ผมเสียทุกอย่าง แต่ผู้ชายคนนั้นแค่บอกว่าไม่รู้ คืออะไร?
อย่างน้อยเขาก็ต้องกล้ายอมรับกับแฟนเขาเอง ที่ผมตัดสินใจส่งข้อมูลบางส่วนให้แฟนเขา เพราะผมรู้แล้วแหละว่าผู้ชายคนนั้นไม่แมนมากพอที่จะสารภาพความผิดกับแฟนเขา เพราะหลังจากวันที่แฟนผมสารภาพทุกอย่างผมบอกให้แฟนผมไปบอกกับผู้ชายคนนั้นว่าเรื่องนี้ให้เขาสารภาพกับแฟนเขาซะ ไปบอกความจริงทุกอย่างก่อนที่ผมจะติดต่อไปบอกเอง
ซึ่งผมรอมาถึงวันนี้ และผมเดาว่าผู้ชายคนนั้นก็คงไม่บอกกับแฟนเขา สิ่งที่ผมเจอมันแย่ แต่ผมก็ยังได้รู้ความจริง แล้วมันคงไม่แฟร์เลยที่ฝั่งผู้หญิงที่เป็นแฟนเขาไม่ได้รู้อะไร แล้วปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นเงียบไปแบบนี้
หลังจากนี้ผมก็จะให้สังคมตัดสิน เขารับผิดชอบสังคมอย่างหนัก เรื่องแค่นี้คงรับผิดชอบได้ ภาพลักษณ์แมนๆ จริงใจ บวกกับมีแฟนอยู่แล้ว ถ้าผมไม่เชื่อถือเรื่องลวงตาพวกนี้ ผมคงไม่สนับสนุนให้แฟนผมไปทำงานด้วย ขนาดแค่คำขอโทษสักคำก็ยังไม่มีจากปากเขา จริงๆ ผมไม่ต้องการคำขอโทษอะไรแล้ว ผมแค่ต้องการให้เขารับผิดชอบในสิ่งที่เขาได้ทำ และพูดความจริงทุกอย่างครับ“