
เกือบเลิกกัน เกิดอะไรขึ้น ?
อัค : มันเป็นช่วงนึงของชีวิต ช่วงนั้นก็รู้สึกว่ายังไม่ได้ลงหลักปักฐานมันก็เลยทำให้เราคุยกับคนอื่นไปด้วย แล้วช่วงที่เราอยู่โรงพยาบาลที่ลาวช่วงที่เราถลอกที่เค้าดูแลเป็นห่วง เรายังถ่ายรูปตัวเองส่งไปอ้อนผู้หญิงคนอื่นอยู่เลย ด้วยความเค้าโต เค้าไม่เช็คโทรศัพท์ เราก็คุยแบบไม่ต้องลบเพราะเค้าไม่เช็คอยู่แล้ว มันมีนวันหนึ่งที่เราดูแลเค้าหลังจากที่ทำแผลมาแล้วขาเค้าต้องตึงเราก็นอนคุยกับผู้หญิงคนอื่นอยู่แล้วเค้าอาบน้ำเสร็จพอดีเปิดประตูห้องมา เราคุยอยู่แล้วเค้าหยิบโทรศัพท์จากมือดึงไปเลย
วันนั้นทำไมตัดสินใจหยิบแสดงว่าเรารู้สึกเอ๊ะแล้ว ?
แพท : เซ้นส์เรามาถึงขีดสุดแล้วว่าใช่แน่นอน เค้าไม่ได้เปลี่ยน เค้าเหมือนเดิม แต่มีอยู่วันหนึ่งอยากจะดีดกีตาร์ขึ้นมา เวลาถ่ายเบื้องหลังกองถ่ายเราก็ดูรายการอยู่เซ้นส์ได้ว่าคนนี้แน่นอน เราก็จับตาดูไปก่อน ถ้าจะปราบอะไรพวกนี้มันต้องคาหนังคาเขา วันนั้นก็หยิบขึ้นมาแล้วก็เสิร์ชชื่อเลยว่าเป็นคนนี้ แล้วก็ย้อนอ่านหมดเลย

แพท : เลิกค่ะ เก็บของกลับบ้าน เลิก ไม่เอา
ใจมันแป้วมั้ย ?
อัค : ใจแป้วครับ หลักฐานมันคามือ มันก็เห็นหมด พอเราจะเสียเค้าไปมันก็เลยรู้สึกว่าต้องทำให้เค้าอยู่ ต้องง้อ สุดท้ายเราก็คนนี้แหละ
ง้อยังไง ?
อัค : ก็ขอโอกาสแหละ สุดท้ายมันก็อยู่ที่เค้าว่าเค้าจะให้หรือไม่ให้ แต่เราก็ทำใจไปแล้วว่าพอมันแตกไปแล้ว ยังไงแผลนี้กับเค้ามันก็ยังอยู่ ต่อให้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นแผลนี้ก็ยังย้ำอยู่ต่อให้เค้าจะโมโห เค้าจะเหน็บเรื่องนี้ขึ้นมาเราก็ต้องยอมรับให้ได้ว่าเพราะเราทำพลาดไปเอง
คนที่แอบคุยด้วยในตอนนั้นคือคนในวงการบันเทิงด้วยหรือเปล่า ?
อัค : เป็นโปรเจ็คนึงของละครที่ถ่ายด้วยกัน แต่ว่าเค้าไม่ใช่คนที่เห็นหน้าคร่าตาในวงการบันเทิงบ่อยๆ ทุกวันนี้ก็ไม่ได้เจอกันแล้ว
หลังจากนั้นเค้ากลับตัวเป็นคนรักเดียวใจเดียวเลยมั้ย ?
แพท : เหมือนเค้าก็พยายามพิสูจน์ตัวเองด้วยก็เลยทำให้เราให้โอกาสเค้าผิดครั้งแรกแค่ครั้งเดียวนะเป็นคนไม่มีครั้งที่สอง
อัค : ฝั่งเราคลีนไม่มีอะไรอยู่แล้ว แต่ว่าสุดท้ายมันอยู่ที่เค้า เพราะว่าเค้าเป็นแผลไปแล้วไง ต่อให้เราจะคลีนยังไงมันก็ยังมีแผลอันนี้ของเค้าอยู่ มันก็เป็นหน้าที่เราที่ต้องพิสูจน์ไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้ก็ 10 ปี





